Home / Press & Events / เปิดตัวโปรเจค “เบิร์ดแลนด์”
เปิดตัวโปรเจค “เบิร์ดแลนด์”

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จับมือเชลล์ฮัท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทุ่ม

200 ล้าน เปิดตัวโปรเจค “เบิร์ดแลนด์” นำคาแรคเตอร์ “เบิร์ด ธงไชย” สู่ซีรีส์การ์ตูน

นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่าบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เจ้าของการ์ตูนเชลล์ดอน  ล่าสุดพร้อมเปิดตัวโปรเจค “เบิร์ดแลนด์ ...แดนมหัศจรรย์”  โดยนำคาแรคเตอร์การ์ตูนศิลปินซูเปอร์สตาร์ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์  มาสร้างเป็นตัวละครหลักในซีรีส์การ์ตูนแอนิเมชันเบิร์ดแลนด์ ซึ่งจะเริ่มออกอากาศซีรีส์แรกทางฟรีทีวี ในเดือน เม.ย. 2554 และ ซีรีส์ที่สองในเดือนต.ค. 2554

สำหรับซีรีส์แอนิเมชันเบิร์ดแลนด์  จะใช้งบการผลิต 100 ล้านบาท และงบการตลาดการสื่อสารอีก 100 ล้านบาท ในปีแรก  

“โปรเจคเบิร์ดแลนด์ เป็นการขยายธุรกิจในกลุ่มเอ็ดดูเทนเม้นท์ของแกรมมี่  ที่จะใช้การ์ตูนมาส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้แก่เด็กไทย  และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการต่อยอดธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของแกรมมี่ ในตลาดเอ็ดดูเทนเม้นท์และแอนิเมชัน และจะเป็นอีกธุรกิจหลักของแกรมมี่ในอนาคต” นายไพบูลย์ กล่าว    คาดว่าซีรีส์แรกจะทำรายได้ 100 ล้านบาท

หลังเปิดตัวซีรีส์การ์ตูนเบิร์ดแลนด์แล้ว  บริษัทจะต่อยอดการทำธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ต่างๆ หลากหลายรูปแบบทั้งตลาดโฮม เอ็นเตอร์เทนเมนท์, การสร้างภาพยนตร์, ภาพยนตร์ 3D, โชว์บิซ, คอนเสิร์ต, ตลาดเมอร์เชนไดส์ เป็นต้น 

ด้าน ดร.จิรยุทธ ชุษณะโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเชลล์ฮัท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทรับผิดชอบการผลิตและการทำการตลาดแอนิเมชัน เบิร์ดแลนด์ ร่วมกับแกรมมี่  โดยได้นำแอนิเมชันเรื่องนี้ไปแนะนำในงาน MIPTV เมืองคานส์ ในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา   ซึ่งได้รับการตอบรับจากตัวแทนจำหน่ายการ์ตูนทีวีทั่วโลกสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายการ์ตูนเบิร์ดแลนด์ 

นอกจากนี้ยังมีแผนขายลิขสิทธิ์การแพร่ภาพให้แก่สถานีทีวีชั้นนำจากต่างประเทศ  พร้อมทั้งการขายลิขสิทธิ์สินค้าเมอร์เชนไดส์ และตลาดโฮม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ทั่วโลก  โดยคาดว่ารายได้จากตลาดต่างประเทศจะเป็นรายได้หลัก มีสัดส่วน 60% ขณะที่รายได้ในประเทศ  40% ทั้งนี้คาดการณ์รายได้ 3 ปีแรกประมาณ 200 ล้านบาท 

ปัจจุบันตลาดลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์การ์ตูนทั่วโลกมีอัตราการเติบโตสูง  ขณะที่ประเทศไทยยังมีมูลค่าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ   โดยแอนิเมชันไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเพียง 0.6% เท่านั้น  จึงมีโอกาสเติบโตสูง 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ , Daradaily